ฉีดฟิลเลอร์จมูกให้ผลลัพธ์ดีแค่ไหน ใครเหมาะกับการเสริมจมูกแบบนี้บ้าง

จมูกเป็นอวัยวะส่วนที่โดดเด่นที่สุดบนใบหน้า หากมีจมูกสวยได้รูปก็จะส่งเสริมให้ใบหน้าดูดีตามไปด้วย ดังนั้นการศัลยกรรมจมูกจึงได้รับความนิยมอย่างสูงมาโดยตลอด เทคนิคหนึ่งที่ใช้ก็คือการฉีดฟิลเลอร์จมูก

ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์จมูกนี้จะใช้กับการปรับรูปทรงจมูกเล็กน้อย เน้นความเป็นธรรมชาติ จึงอาจไม่ได้สันจมูกคม ดูเด่นมาแต่ไกลเหมือนกันผ่าตัด แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จมูกจะง่ายและสะดวกกว่า แต่ก็จะเหมาะกับการแก้จมูกบางประเภท และเหมาะกับคนบางกลุ่มเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามเราลองมาทำความรู้จักกับนวัตกรรมความงามชิ้นนี้ให้มากขึ้นดีกว่า

ฟิลเลอร์จมูก

อย่างที่หลายคนรู้กันดีอยู่แล้วว่า การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง ในช่วงที่นวัตกรรมการฉีดฟิลเลอร์เข้ามาแรกๆ ก็จะเป็นการฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอย เช่น การฉีดฟิลเลอร์หางตา การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การฉีกฟิลเลอร์ลดริ้วรอยใต้ตา เป็นต้น การลดเลือนริ้วรอยเหล่านั้นเป็นการฉีดสารเติมเต็มในปริมาณที่น้อยมากๆ และแทบไม่ต้องดูแลอะไรมากมายเลยหลังจากการทำ แต่ต่อมาฟิลเลอร์ก็เริ่มมามีบทบาทในด้านการเสริมและปรับแต่งอวัยวะมากขึ้น เช่น การฉีดฟิลเลอร์เสริมคาง การฉีดฟิลเลอร์ยกกระชับหน้า และแน่นอนรวมถึงการฉีดฟิลเลอร์จมูกด้วย

แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จมูกจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง อย่างเช่น ไม่เหมาะกับการเสริมในปริมาณที่มากเกินไป เพราะเสี่ยงต่อการผิดรูปของจมูก และเสี่ยงต่อการจับตัวเป็นก้อนของฟิลเลอร์ ซึ่งประเด็นหลังนี้จะนำปัญหาตามมาอีกมากมาย แต่อย่างไรก็ดี การฉีดฟิลเลอร์จมูกก็ยังได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการผ่าตัดเพื่อใส่วัสดุเสริมเข้าไป นี่จึงเป็นจุดเด่นที่ทำให้ใครต่อใครเลือกฉีดฟิลเลอร์แทนการผ่าตัด

ข้อดี – เสีย ฉีดฟิลเลอร์จมูก

การทำศัลยกรรมทุกประเภท ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ล้วนแต่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย การฉีดฟิลเลอร์จมูกก็เช่นเดียวกัน โดยมีรายละเอียดังนี้

ข้อดี

– การเตรียมตัวสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ไม่นานและไม่ยุ่งยาก การดูแลตัวเองหลังการรักษาก็เช่นเดียวกัน

– ได้รูปทรงจมูกที่ดูเป็นธรรมชาติ สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย

– ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้น

– ใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทันทีหลังการทำ

– เห็นผลลัพธ์ชัดเจน รวดเร็วทันใจ

ข้อเสีย

– ไม่เหมาะกับการเสริมจมูกให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในปริมาณมาก

– ฟิลเลอร์มีระยะเวลาจำกัด เมื่อหมดอายุก็ต้องคอยมาเติมเพิ่มอยู่เรื่อยๆ

– หากรับการรักษากับแพทย์ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ก็อาจจะมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงตามมา เช่น เกิดอาการอักเสบรุนแรง มีอาการแพ้ จมูกผิดรูปไปมาก เป็นต้น

ก่อนฉีดฟิลเลอร์จมูกต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง

ถึงการปรับแก้รูปทรงจมูกด้วยการฉีดฟิลเลอร์จะไม่ได้มีขั้นตอนอะไรยุ่งยากเท่ากับการผ่าตัด แต่ก็ต้องมีการเตรียมตัวที่ดีพอ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจนั่นเอง อย่างแรกเลย ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่ามีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด ลิ่มเลือดหรือไม่ ถ้ามีจำเป็นต้องแจ้งแพทย์ที่ดูแลพร้อมรับคำแนะนำที่เหมาะสม ต่อมาคืองดการทานวิตามิน ยา หรืออาหารเสริมที่ทานเป็นประจำเอาไว้ก่อน เนื่องจากบางตัวมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดออกง่ายกว่าปกติ และสำหรับคนที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ต้องละเว้นการฉีดฟิลเลอร์ทุกประเภทเอาไว้ก่อน นอกจากนี้ก็แค่พักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลร่างกายให้แข็งแรงตามปกติเท่านั้นเอง

แนวทางปฏิบัติตัวหลังฉีด Filler 

หลังจากทำการฉีดฟิลเลอร์เรียบร้อยแล้ว ควรมีการประคบเย็นในช่วงเวลา 2-3 ชั่วโมงแรก เพื่อบรรเทาอาการบวมช้ำที่เกิดขึ้น

– ในระยะประมาณ 4-5 ชั่วโมงแรก ควรงดทำกิจกรรมผาดโผน และการวางท่าทางร่างกายในลักษณะที่ไม่เป็นธรรมชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปไหลไปอยู่ผิดที่ แทนที่จะเป็นตำแหน่งที่ออกแบบเอาไว้

– หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จนกว่าแผลจะหายดี

– งดอาหารเสริมต่างๆ โดยเฉพาะพวกน้ำมันตับปลาเอาไว้ก่อน

– งดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความร้อนไว้ก่อน เช่น กีฬากลางแจ้ง อบซาวน่า โยคะร้อน เป็นต้น

– ระวังการสัมผัสส่วนที่ฉีดฟิลเลอร์อย่างรุนแรง ทางที่ดีคือควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสให้ได้มากที่สุดจนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่

ฉีดฟิลเลอร์จมูก ราคา

ช่วงราคาการฉีดฟิลเลอร์จมูกมีหลากหลาย แล้วแต่ความต้องการและชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ โดยทั่วไปราคาจะอยู่ประมาณ 8000 – 30000 บาท อาจได้เห็นราคาที่สูงหรือต่ำกว่านี้อยู่บ้าง ก็ต้องไปดูว่าอะไรเป็นปัจจัยเกี่ยวข้องที่ทำให้ราคานั้นถูกหรือแพงกว่าที่คิดไว้ ใช้ฟิลเลอร์คุณภาพต่ำหรือไม่ ทีมแพทย์ไม่ใช่ผู้ชำนาญในด้านนี้หรือไม่ อย่าลืมตรวจสอบทุกอย่างให้แน่ใจก่อนการฉีดฟิลเลอร์จมูกเสมอ

ฉีดฟิลเลอร์จมูก เจ็บไหม

ขั้นตอนหลักๆ ของการฉีดฟิลเลอร์จมูก จะเป็นการฉีดยาชาเฉพาะที่ก่อน แล้วค่อยตามด้วยการฉีดฟิลเลอร์จมูก จังหวะที่เจ็บก็คงจะมีแค่เข็มแรกของการฉีดยาชาเท่านั้น ระหว่างทำจะไม่รู้สึกอะไร พอการฉีดฟิลเลอร์เสร็จสิ้นไปและยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ ถึงจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ก็จะหายไปได้เองอย่างรวดเร็ว

ฉีดฟิลเลอร์จมูก อยู่ได้นานแค่ไหน

โดยปกติแล้วฟิลเลอร์แต่ละชนิดจะมีความคงทนไม่เท่ากัน เกรดดีหน่อยก็อาจจะอยู่ได้นานกว่า แต่เฉลี่ยแล้วก็อยู่ประมาณ 8-18 เดือน จากนั้นจมูกก็จะค่อยๆ ลดความคมชัดลง แต่จะไม่กลับไปเป็นเหมือนก่อนทำร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชั้นผิวด้านในไปบ้างแล้วระหว่างที่ฉีดฟิลเลอร์อยู่

ฉีดฟิลเลอร์จมูก รีวิว

ผู้ที่นิยมแก้ปัญหาจมูกด้วยการฉีดฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ จะเป็นคนที่ต้องการปรับความคมชัดของสันจมูกเพียงเล็กน้อย ไม่ได้จะยกให้โด่งกว่าเดิมมากนัก ซึ่งทีมแพทย์ก็จะต้องค่อยๆ ฉีดสารเติมเต็มเข้าไปทีละนิดเพื่อปรับรูปทรงจมูกในเบื้องต้นก่อน

แล้วค่อยเติมจนครบปริมาณที่ออกแบบเอาไว้ ผลลัพธ์ที่ได้เห็นความแตกต่างจากของเดิมชัดเจน แถมยังดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก หากไม่เทียบรูปก่อน-หลัง ก็จะไม่รู้เลยว่าผ่านการฉีดฟิลเลอร์มาแล้ว

ฉีดฟิลเลอร์จมูก กี่cc

ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์แบบไหน ก็จะมีข้อกำหนดเรื่องปริมาณการใช้ที่ไม่ต่างกันมากนัก การฉีดฟิลเลอร์จมูกก็เช่นเดียวกัน ปริมาณที่แนะนำอยู่ที่ 2 ซีซี ถ้าน้อยกว่านี้ก็มักจะไม่ค่อยเห็นผลชัดเท่าที่ควร แต่ถ้าเกินกว่านี้ไปมากก็มักจะเกิดปัญหาฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนตามมา

ฉีดฟิลเลอร์จมูก อันตรายไหม

จริงๆ แล้วการฉีดฟิลเลอร์จมูกถือว่าเป็นการทำศัลยกรรมปรับแต่งที่มีระดับความปลอดภัยสูงมาก เมื่อดูในส่วนของสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ก็ไม่พบว่ามีอันตรายใดๆ หากใช้อย่างเหมาะสม และผ่านการตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าเป็นฟิลเลอร์ชนิดที่ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ เมื่อถึงเวลาก็ยังสลายหมดไป ไม่ได้ตกค้างอยู่ในร่างกาย

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงอยู่เลย เพียงแค่เป็นความเสี่ยงจากการรักษาที่ไม่ได้มาตรฐานมากกว่า การเข้ารับบริการจากคลินิกที่ไม่น่าเชื่อถือ ทีมแพทย์ ตลอดจนเครื่องมือไร้ประสิทธิภาพ นอกจากจะไม่ได้จมูกสวยคมอย่างที่ต้องการแล้ว ก็ยังต้องตามแก้ปัญหาของผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นด้วย จึงควรใช้เวลาพิจารณาก่อนการตัดสินใจให้มากสักหน่อย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม ฟิลเลอร์ยี่ห้อได้รับการับรองมาตรฐาน ใส่ลิงค์

ฉีดฟิลเลอร์จมูก กี่วันหายบวม

อาการบวมที่เกิดขึ้นหลังการทำ ถ้าเป็นการบวมแบบปกติจะมีความรุนแรงไม่มากนัก เพียงแค่ประคบเย็นในวันแรก และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ ประมาณ 3-5 วัน อาการบวมก็จะหายไป แต่ถ้าสังเกตเห็นว่าอาการบวมนั้นดูผิดปกติ เช่น บวมมากเกินไป มีอาการห้อเลือดเป็นวงกว้าง หรือมีสัญญาณคล้ายกับการอักเสบติดเชื้อ ต้องรีบแจ้งแพทย์ผู้ดูแลโดยด่วน และอย่าลืมให้ความสำคัญกับเรื่องโภชนาการด้วย เพราะอาหารมีส่วนช่วยอย่างมากในการลดอาการบวมที่ว่านี้

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.vsquareclinic.com/