ฉีดฟิลเลอร์ เริ่มต้นความงามอย่างปลอดภัย ลบเลือนริ้วรอยให้จางหายไป

ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร

ในยุคสมัยที่การมีใบหน้าเรียบเนียน เต่งตึง และอ่อนเยาว์กลายเป็นมาตรฐานความงามที่ทุกคนปรารถนา การฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้าแล้ว ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้นอีกด้วย

แต่จะเป็นอย่างไรถ้าการ filler ไม่ได้ถูกทำอย่างถูกต้อง ? แล้วแท้จริงแล้วฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร ? ฉีดฟิลเลอร์ดีไหม ? ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับการฟิลเลอร์หน้าใสแบบเจาะลึก พร้อมกับเทคนิคการดูแลตัวเองหลังการฉีดที่จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม


ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร ? ช่วยให้สภาพผิวดีขึ้นได้อย่างไร ?

ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร

ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยอะไร ? ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มริ้วรอย (ฟิลเลอร์) ที่ถูกฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังเพื่อช่วยเติมเต็มหรือเพิ่มปริมาณของเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพลง โดยส่วนใหญ่จะเป็นสารประเภท Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่มีความคล้ายคลึงกับสารที่ร่างกายผลิตเองตามธรรมชาติ เมื่อฟีลเลอร์ถูกฉีดเข้าไป ก็จะช่วยเติมเต็มร่องลึกหรือริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียน เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์ขึ้น นอกจากนี้ ฟินเล่อยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าอีกด้วย


ฉีดฟิลเลอร์ อายุเท่าไหร่ ถึงฉีดได้อย่างปลอดภัย ?

filler คืออะไร ? การฉีด filler คือ กระบวนที่ไม่มีข้อจำกัดที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับอายุ แต่มีการพิจารณาความเหมาะสมหรือความปลอดภัยของผู้รับบริการอย่างสำคัญ ดังนั้นแพทย์ผู้ดูแลการรักษาจะพิจารณาตามปัจจัยต่าง ๆ เพื่อกำหนดว่าผู้รับบริการเหมาะสมและเป็นอย่างไรในการใช้ฟิลเลอร์

สำหรับบางคนที่ต้องการทำศัลยกรรมหรือการฉีดฟีลเลอร์ในวัยที่น้อยกว่า 18 ปี เป็นต้น แต่มีข้อจำกัดหรือข้อควรระวังที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบกับผู้ให้บริการทางการแพทย์ หลาย ๆ คลินิกและแพทย์อาจมีนโยบายเฉพาะตัวเกี่ยวกับการให้บริการในผู้ที่อายุน้อยกว่า 18 ปี

สำหรับผู้ใหญ่ที่สุด การฉีดฟิลเล่อจะขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกาย สภาพผิว หรือวัตถุประสงค์ของการทำศัลยกรรม เพราะฉะนั้น ควรพูดคุยกับแพทย์เพื่อให้ได้คำแนะนำและการประเมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเหมาะสมของการทำศัลยกรรมในแต่ละบุคคล


ฉีดฟิลเลอร์ บริเวณไหนในร่างกายได้บ้าง ?

ฟิลเลอร์ฉีดตรงไหนได้บ้าง ? ฟีลเลอร์สามารถฉีดได้ในหลายบริเวณของร่างกายเพื่อปรับปรุงรูปร่างหรือลดปัญหาต่าง ๆ ต่อไปนี้คือบริเวณที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้

  • ฟิลเลอร์ ปรับรูปหน้า เช่น ผิวหน้าที่มีริ้วรอย รอยสัก, การสูญเสียปริมาณของไขมันใต้ผิวหนัง หรือการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวหนัง เช่น ฝ้า ริ้วรอยแก้ม แก้มแห้ง และความลึกของรอยย่นในจมูก
  • ริ้วรอยบริเวณตา เช่น ริ้วรอยฝีมือหรือริ้วรอยที่ปรากฏเมื่อยิ้มหรือเคลื่อนไหวเนื่องจากการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวหนัง
  • ปาก เช่น ริ้วรอยรอบปาก การสูญเสียปริมาณของไขมันที่ทำให้ปากดูบางและไม่มีความกระชับ หรือเส้นรอยการยืดหยุ่นของปาก
  • คอ เช่น การแก้ไขเส้นรอยยืดหยุ่นหรือความหยาบของผิวในบริเวณคอและตาข่าย
  • มือ เช่น การปรับรูปร่างของมือหรือการเติมปริมาณของไขมันใต้ผิวหนังในบริเวณหลังมือ
  • ช่วงลำตัว เช่น การปรับรูปร่างหรือเส้นรอยยืดหยุ่นในท้องหรือหลัง

ฉีดฟิลเลอร์ ใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ ถึงจะฉีดเพิ่มได้ ?

การตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์เพิ่มหลังจากการฉีดมาก่อนควรพิจารณาความต้องการหรือประสิทธิภาพของผู้รับบริการ โดยคำตัดสินจะอยู่ในมือแพทย์ผู้ดูแลการรักษา ระยะเวลาที่ต้องรอก่อนฉีดฟีลเลอร์ใหม่อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพผิวและลักษณะของฟิลเล่อ

สำหรับบางคน อาจต้องรอระยะเวลาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์หลังจากการฉีดเริ่มต้น แต่คำแนะนำที่แน่นอนควรมาจากแพทย์ผู้ดูแลการรักษา คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อทราบเวลาที่เหมาะสมสำหรับการฉีดเพิ่มตามความต้องการของคุณ

การให้เวลาให้กับผิวหน้าของคุณเพื่อให้ฟิลเลอร์เริ่มทำงานหรือปรับตัวให้เข้ากับรูปร่างของใบหน้าอย่างเหมาะสมก่อนที่จะพิจารณาการฉีดเพิ่มต่อไป การตรวจสอบกับแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณมั่นใจและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการทำฟิลเล่อ


การฉีดฟิลเลอร์ มีผลข้างเคียงของไหม ?

การฉีดฟิลเลอร์อาจมีผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น อาจเกิดอาการเจ็บปวด บวม แดง หรือความรู้สึกกดทับบริเวณที่ฉีด แต่ไม่ต้องกังวล ผลข้างเคียงเหล่านี้จะหายไปเองภายในไม่กี่วันเท่านั้น อย่างไรก็ตามผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นอาจแตกต่างไปตามคนและบางกรณีอาจเกิดอาการรุนแรงขึ้นได้

นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับการใช้ฟิลเลอร์ในระยะยาว เช่น อาจมีการเกิดแผลช้ำหรือรอยแดงในบริเวณที่ฉีด หรืออาจเกิดรอยนูน แต่อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงเหล่านี้มักเกิดขึ้นในระยะยาวหรือเป็นปัญหาที่เราพบเจออยู่เสมอ ในกรณีนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาและการจัดการผลข้างเคียงอย่างเหมาะสม


ในการฉีดแต่ละจุดต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC ?

ฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดใช้กี่ซีซี

ฟิลเลอร์ ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ? ปริมาณฟิลเลอร์ที่จะใช้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิเช่น จุดที่ต้องการฉีด ลักษณะของปัญหา หรือวัตถุประสงค์ในการรักษา โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและกำหนดปริมาณที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้ว ปริมาณฟีลเลอร์ที่ใช้ในแต่ละจุด มีดังนี้

  • ฟิลเลอร์ร่องแก้มแก้ม 1-3 CC
  • ฟิลเลอร์ปาก 1-2 CC
  • ฟิลเลอร์ใต้ตา 2-4 CC
  • ฟิลเลอร์คาง 1-2 CC
  • ฟิลเลอร์ขมับ 2-4 CC
  • ฟิลเลอร์หน้าผาก 3-5 CC

อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่แพทย์ใช้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละราย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการหรือลักษณะของผู้รับบริการแต่ละคน โดยอาจใช้น้อยเพียงพอเพื่อแก้ไขปัญหา หรือใช้มากขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม หากสนใจทำฉีดฟิลเลอร์ รีวิว ขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและแนะนำวิธีการที่เหมาะสมกับคุณ


ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์

เตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรดำเนินตามขั้นตอนเหล่านี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด

  • แจ้งข้อมูลสุขภาพ แจ้งแพทย์ถึงโรคประจำตัว ยาที่กำลังรับประทาน และประวัติการแพ้ เพื่อให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงและเลือกวิธีการฉีดที่เหมาะสม
  • พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และฟื้นฟูจากการฉีดได้เร็วขึ้น
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์มีผลขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนสะดวก แต่เสี่ยงต่อการเกิดรอยบวมช้ำ ควรงดดื่มก่อนฉีด 1-3 วัน
  • งดสูบบุหรี่ บุหรี่มีสารเคมีที่ส่งผลต่อการหายแผล ทำให้แผลหายช้า และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ควรงดสูบบุหรี่ 2 อาทิตย์ก่อนฉีด
  • ทำความสะอาดใบหน้า ล้างเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกออกจากใบหน้าก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล ประสบการณ์ของแพทย์ และรีวิวฟิลเลอร์จากผู้ใช้บริการ
  • ใช้ฟิลเลอร์แท้ เลือกใช้ฟินเล่อที่ได้รับการรับรองจาก อย. ปลอดภัย และผ่านมาตรฐานการผลิต
  • รับมือกับผลข้างเคียง อาการบวมแดง เป็นรอยช้ำ เป็นเรื่องปกติ จะหายไปเองภายใน 1-2 อาทิตย์

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์

หลังจากที่คุณได้รับการฉีดฟิลเลอร์เรียบร้อยแล้ว มีขั้นตอนที่สำคัญที่คุณควรปฏิบัติตามเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีหรือลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้การรักษาของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น และช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

  • ประคบเย็น ให้ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ประมาณ 15-20 นาที วันละ 2-3 ครั้ง การประคบเย็นจะช่วยลดการบวมและแดงของผิวหนัง คุณสามารถใช้ถุงเย็นห่อด้วยผ้าเพื่อประคบบริเวณที่ฉีด
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส ห้ามนวด กด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟินเล่อเป็นเวลา 2-3 วัน การสัมผัสอาจทำให้ฟินเล่อเคลื่อนที่และส่งผลต่อผลลัพธ์ที่ได้
  • หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง งดการนอนคว่ำหรือนอนตะแคงเป็นเวลา 2-3 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้ฟีลเลอร์เคลื่อนที่ การนอนตะแคงจะช่วยลดแรงกดทับบนใบหน้า
  • งดสิ่งที่อาจส่งผลเสีย งดการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และรับประทานยาต้านการอักเสบเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิต ทำให้แผลหายช้า และอาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำ
  • หลีกเลี่ยงความร้อน ไม่ควรให้ผิวหนังสัมผัสกับความร้อนจากแสงแดด ซาวน่า หรือออนเซ็น เป็นเวลา 2-3 วัน ความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์ใต้ผิวหนังขยายตัวและส่งผลต่อรูปทรงที่ได้
  • ติดตามอาการ ควรสังเกตอาการบวมแดง หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมแดงมากขึ้น เจ็บปวด ร้อน หรือมีหนอง ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ เป็นอย่างไร ?

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ เป็นดังนี้

  • การประเมิน แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวหน้าของคุณและสอบถามความต้องการของคุณในการปรับปรุง การปรึกษาเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้แพทย์เข้าใจความต้องการและแนะนำฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
  • ทำความสะอาดผิวหน้า ผิวหน้าจะถูกทำความสะอาดอย่างละเอียดเพื่อล้างสิ่งสกปรกและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อลดความอ่อนแรงของเชื้อราและความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • การใช้ยาชา ในบางกรณี แพทย์อาจใช้ยาชาเพื่อลดความรู้สึกระคายเคืองจากการฉีด
  • การฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะใช้เข็มเพื่อฉีดฟิลเลอร์ลงในชั้นผิวหนังที่เหมาะสม การฉีดจะทำไปพร้อมกับการประเมินและการปรับปรุงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง
  • ประคบน้ำแข็งหรือการนวด บางครั้ง แพทย์อาจใช้เทคนิคเหล่านี้เพื่อช่วยลดอาการบวมหรือความอาการระคายเคืองหลังการฉีด
  • คำแนะนำหลังการฉีด แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิวหน้าหลังการฉีดเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงของอาการไม่พึงประสงค์ เช่น การหลีกเลี่ยงแสงแดดที่ร้อนจัดหรือการใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิด
  • การติดตาม คุณควรติดตามกับแพทย์เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์และการฉีดเพิ่มต่อไปตามความจำเป็น

ใครเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์

บุคคลที่เหมาะสมกับการฉีดฟิลเลอร์ มีดังนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา รอยหางปลา รอยคาง
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้มตอบ ขมับตอบ ใต้ตาคล้อย
  • ผู้ที่มีรอยแผลเป็นจากสิว ฟิลเลอร์สามารถช่วยลดรอยแผลเป็นให้ดูเรียบเนียนขึ้น
  • ผู้ที่มีริมฝีปากบาง เติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม
  • ผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ หน้า เสริมโหนกแก้ม เติมเต็มสันจมูก เสริมคาง เพื่อเสริมความมั่นใจ

ใครไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ 

บุคคลที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ มีดังนี้

  • ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคภูมิแพ้ โรคเลือด
  • ผู้ที่ทานยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด
  • ผู้ที่มีผิวติดเชื้อบริเวณที่ต้องการฉีด

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ? ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง ?

ฉีดฟิลเลอร์อย่างไรให้ปลอดภัย

ในการตัดสินใจเลือกฉีดฟิลเลอร์ คุณควรพิจารณาจากหลายปัจจัยที่มีความสำคัญ เช่น ความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่จะดำเนินการ ประสบการณ์ของผู้รับบริการ ความต้องการหรือวัตถุประสงค์ในการรักษา ความปลอดภัยของยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีด และผลลัพธ์ที่คุณต้องการให้เหมาะสมกับลักษณะใบหน้าและรูปร่างของคุณเอง

การเลือกฉีดฟิลเลอร์เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใช้ความรอบคอบในการตัดสินใจ ด้วยประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่ทำการรักษา คุณจะมั่นใจได้ว่าการที่คุณเลือกจะมีผลลัพธ์ที่ดีต่อใบหน้าและรูปร่างของคุณ ดังนั้น คำแนะนำของเราคือให้คุณใช้เวลาในการศึกษาและปรึกษากับแพทย์เพื่อเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมสำหรับคุณ


สรุป

การฉีดฟิลเลอร์ที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้น จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้องหรือปลอดภัย ก่อนการฉีด ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและความต้องการของผิวหน้าแต่ละคน และเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ หลังการฉีด ควรดูแลผิวหน้าด้วยการใช้ครีมบำรุงและกิจกรรมการดูแลผิวอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้น เต่งตึง และมีสุขภาพดีอย่างต่อเนื่อง

การฉีดฟิลเลอร์ที่ถูกต้องและปลอดภัยจะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ริ้วรอยจะลดลง ผิวหน้าจะกระชับขึ้น และคุณจะรู้สึกมั่นใจหรือสดชื่นขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น อย่ากลัวที่จะลองใช้วิธีการฉีดฟิลเลอร์นี้ แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด