เลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี? Filler รุ่นไหนดีที่สุด เพื่อเติมเต็มร่องแก้ม ปาก คาง ใต้ตาอิ่มสวย

เลือกฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี? เพื่อความสวย อย่างปลอดภัย

ฉีดฟิลเลอร์ ในยุคปัจจุบันนี้มีคนสนใจทำกันเป็นจำนวนมาก ทั้งฉีดเพื่อเสริมคาง ปาก เติมเต็มร่องแก้ม ร่องลึกใต้ตาให้ดูเต็มสวย ใบหน้าได้รูป ดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง แต่ฟิลเลอร์มีมากมายหลายยี่ห้อ แถมยังแบ่งย่อยเป็นรุ่นต่าง ๆ อีก คำถามที่พบบ่อยก็คือ เราควรเลือกฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี

วันนี้เราจึงมาเจาะลึกเกี่ยวกับความแตกต่างของฟิลเลอร์แต่ละชนิด  ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อถึงจะเป็นสารเติมเต็มผิวจำพวก HA (Hyaluronic Acid) หรือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด เหมือนกัน แต่ก็มีคุณสมบัติทางกายภาพที่ต่างกันออกไป เนื่องจากใช้ขั้นตอนและเทคโนโลยีการผลิตที่ไม่เหมือนกันค่ะ

แต่ละรุ่นของฟิลเลอร์ก็จะเหมาะกับบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าที่ต่างกัน ทั้งนี้ ไม่มีฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน หรือรุ่นอะไรที่ดีที่สุด ที่จะสามารถฉีดออกมาได้ผลดีทุกจุดและทุกสภาพผิว ทางทีดีหากต้องการฉีดฟิลเลอร์ควรเข้าไปปรึกษากับคุณหมอ เพื่อช่วยวิเคราะห์สภาพผิวหน้าและเลือกยี่ห้อ รุ่นของฟิลเลอร์ให้เหมาะกับตัวเรามากที่สุด

ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี

ฟิลเลอร์ มีคุณสมบัติเป็นอย่างไรบ้าง (ในทางเทคนิค)

1.) Plasticity, cohesiveness (ความยืดหยุ่น)

  • ค่าความยืดหยุ่น คือ ความทนต่อแรงบิดในแนวนอน และทนต่อการขยับ
  • ฟิลเลอร์ที่มีค่าความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับฉีดแก้มตอบ มุมปาก และร่องแก้ม เพื่อช่วยเติมเต็มตรงจุดที่ผิวหนังมักจะขยับบ่อย ๆ

ความยืดหยุ่นของฟิลเลอร์

เทคโนโลยี hylacross ของ juvederm มีการออกแบบ crosslink ไว้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ทนต่อการขยับได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง

2.) Elasticity (ความแข็ง)

  • ค่าความแข็งนี้ หมายถึง ความทนต่อแรงกดในแนวตั้ง
  • ฟิลเลอร์ที่มีค่าความแข็งสูง เหมาะสำหรับฉีดจมูก คาง เพื่อปรับยกโครงหน้า (ในชั้นกระดูก) ช่วยยกผิวชั้นลึกบริเวณในชั้นกระดูก และใช้ฉีดเพื่อช่วยดึงหน้า

3.) Tissue Integration (ความกระจายตัว)

  • ค่าความกระจายตัว คือ ความสามารถในการสมานเข้ากับผิวบริเวณที่อยู่รอบ ๆ
  • ฟิลเลอร์ ที่มีค่าความกระจายตัวสูง จะฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่เกิดเป็นก้อน ดูเรียบเนียนไปกับผิวได้มากที่สุด เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งผิวบาง

ความสามารถในการกระจายตัวของฟิลเลอร์

ในฟิลเลอร์ที่มีค่าความแข็งสูง (ด้านซ้ายมือ) จะสามารถฉีดเพื่อช่วยยกผิวได้ดีกว่า ฟิลเลอร์ที่มีค่าการกระจายตัวสูง (ด้านขวามือ) ดังรูป

4.) Water holding (ค่าความอุ้มน้ำ)

ฟิลเลอร์-juvederm-ultraplus-จะมีค่าความอุ้มน้ำสูงที่สุด

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm รุ่น Ultra Plus มีค่าความอุ้มน้ำสูงที่สุด

  • ฟิลเลอร์ที่มีค่าความอุ้มน้ำสูง หลังฉีดถ้าใครที่ดื่มน้ำน้อย ๆ ฟิลเลอร์จะแฟบลงมาก แต่ในคนที่ดื่มน้ำเยอะ ฟิลเลอร์ก็จะฟูมาก
  • ฉีดฟิลเลอร์เพียง 1 CC จะสามารถฟูได้มากถึง 1.5 CC ดังนั้น ฟิลเลอร์กลุ่มนี้ จึงเหมาะสำหรับคนที่อยากจะประหยัดค่าใช้จ่าย
  • แต่ไม่ควรนำไปใช้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เนื่องจากหากฟูก็จะเห็นได้ว่าใต้ตาดูบวมอย่างชัดเจน
  • เหมาะที่จะใช้ฉีดตรงบริเวณร่องแก้ม ขมับ ซึ่งเป็นจุดที่ถ้าฟูเยอะ ๆ แล้วจะมองไม่ออกว่าฟู

hyaluronic acid(ฟิลเลอร์)

ฟิลเลอร์ คือ Hyaluronic Acid ตามปรกติแล้วจะมีลักษณะคือ เส้นใยยาว ๆ ละลายเป็นน้ำเหลว ๆ (ไม่เป็นวุ้น) และเพื่อให้เกิดเป็นตาข่ายวุ้น ที่มีลักษณะเป็นเนื้อเจลฟิลเลอร์นิ่ม จึงจะต้องผ่านกระบวนการเชื่อมต่อเส้นใยด้วยพันธะ (crosslink) ก่อนค่ะ

5.) Crosslink (จำนวนการเชื่อมพันธะ)

คุณสมบัติของฟิลเลอร์ ยี่ห้อที่มีจำนวนพันธะเยอะ ก็คือ

  • สลายช้าลง อยู่ได้นานขึ้น
  • ฟูน้อยลง
  • ทนต่อแรงบิดในแนวนอนได้ดี
  • มีค่าการกระจายตัวปานกลาง และเหมาะกับผิวในบริเวณที่มีการขยับบ่อย

ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Juvederm คือแบรนด์ filler ที่เด่นในเทคโนโลยีด้าน crosslink  เนื่องจากใช้ crosslink ที่มีประสิทธิภาพสูง (Vycross) ลักษณะจะเป็นเนื้อเจลข้น ๆ ไม่เป็นเม็ด (non-particle) จึงมีความปลอดภัย อีกทั้งยังสามารถคงอยู่ได้นานขึ้น

ฟิลเลอร์ที่มี crosslink ในปริมาณที่เยอะไป (มักพบได้ในฟิลเลอร์ปลอมที่ผลิตจากจีน ฟิลเลอร์เกรดต่ำไม่ได้มาตรฐาน หรือฟิลเลอร์หิ้วที่ไม่รู้ที่มาว่าผลิตจากแหล่งไหนและขนส่งแบบลักลอบเข้ามาอย่างไม่ถูกต้อง) จะส่งผลให้แพ้ได้ง่ายขึ้น รวมถึงสลายตัวได้ยากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจเป็นก้อนหรือเกิดพังผืดขึ้นได้ถ้าฉีดเยอะเกินไป 

การเลือกฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี ให้ผลลัพธ์มีความเป็นธรรมชาติมาก แพทย์จะเป็นผู้ที่วินิจฉัยว่า ผิวบริเวณชั้นในที่เกิดการยุบตัว รวมถึงเลือกรุ่นของฟิลเลอร์ให้คุณสมบัติคล้ายกับเนื้อเดิมของเรามากที่สุดค่ะ

ขอบคุณข้อมูล: [แนะนำ] ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี แตกต่างกันอย่างไร ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี

จาก Youtube Channel: V Square Clinic

ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี? อยากเติมเต็มคาง แก้มตอบ ปาก มุมปาก ร่องแก้ม ใต้ตา เลือกรุ่นไหนจึงเหมาะกับแต่ละจุด?

ฟิลเลอร์แท้ผ่าน-อย.แต่ละยี่ห้อ

จุดต่าง ๆ บนใบหน้าจะเหมาะกับการเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี เรามาพิจารณากันเป็นจุด ๆ ไป มาดูกันเลยค่ะ

เลือกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ยี่ห้อไหนดี?

รีวิวฟิลเลอร์ยกหน้าและฟิลเลอร์ใต้ตา-ฟิลเลอร์ร่องแก้ม-3cc

รีวิว เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

4 ลักษณะของปัญหาริ้วรอยร่องแก้มลึก ได้แก่

  1. การยุบตัวลงของกระดูกและเนื้อบริเวณใต้ตา ส่งผลให้การความหย่อนคล้อยของเนื้อแก้ม จนเกิดร่องแก้ม ทำให้ใบหน้าดูแก่ ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเพียงอย่างเดียว เพราะใต้ตาจะยังดูลึกอยู่ แม้ว่าร่องแก้มเต็ม แต่หน้าจะดูอูม ๆ ดังนั้น เพื่อความเป็นธรรมชาติ และใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มในปริมาณที่น้อยลง ควรฉีดใต้ตาก่อนเพื่อเป็นการดึงเนื้อบางส่วนให้ขึ้นไป
  2. การยุบตัวลงของกระดูกบริเวณใต้ปีกจมูก ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ทนต่อการขยับเขยื้อนของร่องแก้ม มีค่าความยืดหยุ่นสูง ซึ่งก็คือ Juvederm Ultra Plus (คงอยู่ได้นาน 1 ปี) Juvederm voluma (คงอยู่ได้นาน 1 ปีครึ่ง) และ Belotero intense (คงอยู่ได้นาน 1 ปีครึ่ง) ทั้งนี้ เพื่อทดแทนการยุบตัวของกระดูก จึงควรฉีดลึกในชั้นติดกระดูก
  3. กล้ามเนื้อที่มีหน้าที่ในการดึงร่องแก้มทำงานมาก ด้วยการฉีดฟิลเลอร์แก้ไขร่องแก้มดังใน 2 ข้อที่ได้กล่าวไว้ด้านบน ก็สามารถช่วยลดการดึงของกล้ามเนื้อส่วนนี้ได้ในระดับหนึ่ง แต่เรายังสามารถใช้ botox dermotoxin ช่วยฉีดเสริมได้หากต้องการผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น (ควรฉีดโบท็อกซ์ทุก 3-4 เดือนในบริเวณนี้)
  4. ลักษณะแห้งและบางมากของผิวชั้นบนตรงร่องแก้ม ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ให้ความเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน ตัวยาสามารถกระจายตัวและเนียนเรียบไปกับผิวหนังได้ดี ได้แก่ Juvederm volift (คงอยู่ได้นาน 1 ปี) หรือฟิลเลอร์ Restylane volyme (คงอยู่ได้นาน 1 ปีครึ่ง)

เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี?

เมื่อคนเราเริ่มมีอายุเยอะขึ้น จุดแรกที่มีการยุบตัวลงของกระดูกและเนื้อก็คือบริเวณใต้ตา เกิดเป็นร่องใต้ตา ที่เริ่มสังเกตเห็นได้ในวัย 20 ปีเป็นต้นไป ใครที่มีร่องใต้ตาลึก จะส่งผลให้หน้าดูโทรม ขาดความสดใส อาจเกิดถุงใต้ตาขึ้นได้หากไม่รักษาร่องใต้ตาและปล่อยปัญหานี้ไปเรื่อย ๆ

รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา-3-cc-และฟิลเลอร์ร่องแก้ม-1-cc

รีวิว เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

2 ประเภทของฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับใช้ฉีดเพื่อเติมร่องใต้ตา ได้แก่

  • ฟิลเลอร์ที่ใช้ในการทดแทนบริเวณที่กระดูกในผิวชั้นลึกเกิดการยุบตัวลง จะมี 3 รุ่นที่เหมาะสมในการช่วยยกพยุงผิว ซึ่งใกล้เคียงกับกระดูกคนเรามากที่สุด ได้แก่ (1.) Restylane perlane lyft : คงอยู่ได้นาน 1 ปี, (2.) Juvederm voluma : คงอยู่ได้นาน 1 ปีครึ่ง และ (3.) Belotero volume : อยู่ได้1 ปีครึ่ง
  • ฟิลเลอร์ที่ใช้ในการแก้ปัญหาร่องใต้ตาชั้นบน เพื่อเป็นการเก็บรายละเอียด ควรเลือกใช้ filler ที่ไม่เป็นก้อน มีเนื้อละเอียดที่สุด ถึงจะอยู่ได้สั้นกว่ารุ่นอื่น หากแต่จำเป็นในการเติมผิวชั้นตื้น ได้อย่างเรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งก็คือ Restylane vital light (คงอยู่ได้นาน 6 เดือน -1 ปี)

เลือกฉีดฟิลเลอร์มุมปาก ยี่ห้อไหนดี?

รีวิวฟิลเลอร์ร่องมุมปาก

รีวิว เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์ร่องมุมปาก 1 cc

ใครที่ยังพบว่ามีร่องมุมปากอยู่แม้ว่าจะดึงแก้มด้วยวิธีการร้อยไหมไปแล้วก็ตาม เนื่องจากมีแก้มหย่อนเยอะมาก การเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติเรียบเนียนไปกับผิวได้ดี ยากระจายตัวดี ไม่เป็นก้อน ดูเป็นธรรมชาติ ได้แก่ Juvederm volift (12 เดือน) หรือ Restylane volyme (18 เดือน) เพื่อเป็นการใช้ฟิลเลอร์ฉีดเพื่อช่วยเสริมผลการรักษาให้ออกมาดียิ่งขึ้นค่ะ

เลือกฉีดฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี?

เจสซี่_ฟิลเลอร์ปาก1ccใต้ตา1

รีวิว เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์ปาก

ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีค่าความยืดหยุ่นสูง ยี่ห้อ Juvederm คือ filler ที่แพทย์แนะนำว่าเหมาะกับบริเวณปากซึ่งเป็นบริเวณที่ขยับบ่อยมาก ๆ

  • Juvederm Ultra Plus อาจคลำเจอเนื้อฟิลเลอร์นิ่ม ๆ ได้ในระยะเวลา 2-3 เดือนแรกหลังฉีด เนื้อจะฟูเยอะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปากอวบอิ่มแบบฝรั่ง และผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า
  • Juvederm Volift ฉีดแล้วปากดูอิ่มสวยอย่างเป็นธรรมชาติ และไม่เป็นก้อน (คงอยู่ได้นาน 1 ปี)
  • Restylane Volyme คุณสมบัติคล้ายกับ Juvederm รุ่น volift แต่อยู่ได้นานยิ่งกว่า คือสามารถอยู่ได้ 1 ปีครึ่ง
  • Restylane Vital light (คงอยู่ได้นาน 6 เดือน 1 ปี) รุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ไม่ได้ต้องการเติมปาก แต่อยากแก้ไขริมฝีปากแห้งโดยเฉพาะ

เลือกฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ยี่ห้อไหนดี?

ตัวอย่างผลการรักษาฟิลเลอร์แก้มตอบ

รีวิว เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ

  • ฟิลเลอร์ Restylane volyme คือรุ่นที่เหมาะที่สุด และสามารถคงอยู่ได้นาน
  • รองลงมา ก็คือ Juvederm volift เรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด เนื่องจากคุณสมบัติกระจายตัวได้ดี

2 รุ่นนี้เป็นฟิลเลอร์ที่เหมาะกับฉีดแก้ปัญหาแก้มตอบ ซึ่งมักจะเป็นคนที่มีผิวบาง มีชั้นไขมันน้อยกว่าคนทั่วไปค่ะ

เลือกฉีดฟิลเลอร์ขมับ ยี่ห้อไหนดี?

 

ฟิลเลอร์ขมับ-1-CC

รีวิว เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์ขมับ

การเติมขมับเราสามารถเลือกใช้ฟิลเลอร์ได้ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่นในจุดนี้ Juvederm Ultra Plus (12 เดือน) หรือ Juvederm voluma (18 เดือน) คือรุ่นที่หมอแนะนำ แต่ถ้าคนไข้เคสไหนมีผิวที่บางมากจะแนะนำให้ฉีดด้วย Restylane volyme (18 เดือน) ไม่ว่าจะใช้ยี่ห้อใดก็ตาม ควรฉีดด้วยเทคนิคเข็มแหลมชนกระดูก เพื่อป้องกันการเกิดเป็นก้อนค่ะ

เลือกฉีดฟิลเลอร์คาง ยี่ห้อไหนดี?

รีวิวฟิลเลอร์คาง-1-cc

รีวิว เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์คาง 

ฟิลเลอร์ที่สามารถปั้นคางให้ออกมาได้รูปทรงสวยที่สุด ได้แก่ Restylane perlane lyft, Perfactha subskin, Juvederm voluma, และ Belotero Volume

เพื่อป้องกันยิ้มแล้วเป็นก้อนหลังฉีด และเพื่อให้รูปทรงคางยาวขึ้น หน้าเรียวสวยดูเป็นธรรมชาติ จะต้องฉีดในชั้นใต้กล้ามเนื้อ mentalis เท่านั้น

เลือกฉีดฟิลเลอร์จมูก ยี่ห้อไหนดี?

ตัวอย่างผลการรักษาฟิลเลอร์จมูก

รีวิว เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์จมูก

บริเวณจมูกคือตำแหน่งที่จำเป็นต้องใช้ความละเอียดสูงมาก filler ควรมีคุณสมบัติไม่อุ้มน้ำ ไม่ฟู เราจึงต้องเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีค่าความแข็ง (หรือ Elasticity) สูงที่สุด หากแต่มิได้แข็งมากจนผิดธรรมชาติ ต้องยังมีความเป็นเนื้อผิวปรกติอยู่

ฟิลเลอร์ Restylane perlane lyft ของแท้ คือรุ่นเดียวที่เหมาะสมสำหรับฉีดในตำแหน่งจมูก เพราะถ้าเลือกใช้รุ่นอื่น ๆ หรือยี่ห้ออื่นก็อาจจะดูสวยในระยะแรก ๆ แต่จมูกจะบานออกและสันจมูกมีความคมชัดลดน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งค่ะ 

เมื่อผู้อ่านได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับ ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจฉีด filler ในตำแหน่งต่าง ๆ บนใบหน้าได้เป็นอย่างดี เพื่อความปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากที่สุดค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.vsquareclinic.com/blogs/dermal-fillers/