ฉีดโบท็อกที่ไหนดี เลือกอย่างไรไม่ให้พลาด?
การฉีดโบท็อก เป็นหัตถการที่มีผู้นิยมทำสูงมากในยุคนี้ กล่าวได้ว่าเป็นประตูสู่ความงามเลยก็ว่าได้ เพราะผู้ที่ไม่เคยทำอะไรกับใบหน้ามาก่อนมักจะเลือกทำโบท็อกเป็นเป็นอันดับแรก ถือเป็นการทำวิธีที่มีความปลอดภัยสูง และราคาไม่แพง เห็นผลในเรื่องช่วยลดริ้วรอยและสามารถปรับใบหน้าให้เรียวลงอย่างเห็นได้ชัด
อีกทั้งการฉีดโบท็อกยังเป็นการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อช่วยให้หน้าใส หน้าตึง ซึ่งเป็นหัตถการที่คุณหมอมักให้คำแนะนำแก่ผู้ที่ต้องการเสริมสวยให้ทำเป็นอันดับแรก ๆ
ฉีดโบท็อกที่ไหนดี การเลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัย และข้อที่ควรระวังต่าง ๆ คือข้อมูลสำคัญที่เราต้องศึกษาให้ดีก่อน มิฉะนั้นอาจเจอกับปัญหามากมายตามมา ได้แก่
1. เจอโบท็อกของปลอม
2. ไปเจอแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ หรือเจอหมอกระเป๋า พยาบาล
3. ไม่ได้พิจารณาดูรีวิวที่แท้จริงของทางคลินิก
4. ขาดการเตรียมการปฎิบัติตัวก่อนเข้ารับการฉีดให้ถูกต้อง ส่งผลให้โบท็อกอยู่ได้สั้นลง
1. เจอโบท็อกของปลอม
ผู้ที่ฉีดโบท็อกปลอม แม้ในการฉีดครั้งแรก ๆ อาจจะได้ผลดี แต่เนื่องจากตัวยาที่ฉีดนั้นไม่บริสุทธิ์ ทำให้เกิดการกระตุ้นภูมิต้านทานในร่างกายให้ต่อต้านโบท็อกขึ้นมา (คล้ายกับการกระตุ้นภูมิต้านทานด้วยการฉีดวัคซีน) จึงเรียกได้ว่าเป็นการดื้อโบท็อก ซึ่งการดื้อโบท็อกเป็นภาวะที่ยังไม่มีทางที่จะรักษา ในการฉีดโบท็อกครั้งถัด ๆ ไปก็อาจจะไม่ได้ผล ถึงแม้จะฉีดโบท็อกนั้นจะเป็นของแท้ที่มีความบริสุทธิ์สูงก็ตาม
บางรายที่โชคร้ายอาจดื้อโบท็อกนานถึง 10-20 ปี ซึ่งไม่สามารถใช้การฉีดโบท็อกเพื่อรักษาริ้วรอยได้อีก แต่ส่วนใหญ่แล้วการดื้อโบท็อก (ซึ่งจะดื้อกับโบท็อกทุกยี่ห้อ) ต้องรอเวลาประมาณ 3-5 ปี เพื่อให้ภูมิต้านทานนั้นหายไปเอง แล้วจึงสามารถกลับมาฉีดใหม่ได้
ในการตัดสินใจว่าจะ ฉีดโบท็อกที่ไหนดี สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ การศึกษาหาข้อมูล ว่าโบท็อกของแท้ยี่ห้อต่าง ๆ มีจุดสังเกตอย่างไรบ้าง (โบท็อกแท้จะมาในรูปแบบผลึกสีขาว ๆ แห้ง ๆ เคลือบที่ก้นขวด ซึ่งจะเป็นในลักษณะนี้ทุกยี่ห้อ โดยในขวดจะไม่มีน้ำอยู่ คุณหมอต้องผสมน้ำเกลือด้วยปริมาณที่เหมาะสมลงไป เพื่อที่จะละลายผลึกโบท็อกให้เป็นสารละลายก่อนนำมาฉีด) รวมทั้งก่อนฉีดทุกครั้ง เราควรแจ้งให้คุณหมอแกะกล่อง เปิดขวดโบท็อก และผสมตัวยาให้ดูต่อหน้าด้วย
เมื่อคุณหมอทำการผสมและดูดตัวยาโบท็อกให้ดูว่าหมดขวดแล้ว เราจึงจะมั่นใจว่าได้ปริมาณยาครบถ้วนทั้ง 100 ยูนิตอย่างแท้จริง และเพื่อทำการตรวจสอบในภายหลังเราควรจะขอขวดและกล่องโบท็อกกลับบ้าน หรืออาจขอถ่ายรูปเก็บไว้ เพื่อรับประกันความมั่นใจว่าเป็นโบท็อกแท้
หากตัวเราเองฉีดไม่ถึง 100 ยูนิต แต่ต้องการเปิดขวดใหม่เพื่อเห็นขั้นตอนการผสมยานั้น เราควรชวนเพื่อนมาหารกันให้ครบ 100 ยูนิต เพื่อความมั่นใจว่าโบท็อกที่เราได้เป็นโบท็อกแท้
หากไม่ได้ตรวจสอบว่าเป็นโบท็อกแท้ อาจเกิดอาการต่าง ๆ เช่น ต้องฉีดบ่อยขึ้น ผลจากการฉีดโบท็อกอยู่ได้สั้นลง และเกิดการดื้อโบท็อก ล้วนแล้วแต่เป็นผลที่เกิดมาจากการการฉีดโบท็อกปลอม ไม่บริสุทธิ์ หรือฉีดโบท็อกเจือจาง
การเปิดขวดยาผสมยาให้ดูจึงเป็นสิ่งสำคัญ มิฉะนั้นเราคงไม่อาจมั่นใจได้ว่า ในขวดโบท็อกที่มีน้ำใส ๆ อยู่นั้นใช่โบท็อกแท้หรือไม่ มีการแอบขโมยยูนิตออกไปก่อนหน้านี้รึเปล่า และในกรณีที่แย่ที่สุดคือ มีการใส่โบท็อกปลอมนำเข้าจากจีนเติมเข้าไปในขวดโบท็อกแท้ที่ใช้หมดไปแล้ว
ขอบคุณข้อมูลเรื่อง วิธีดูโบท็อกแท้ก่อนฉีด จาก Youtube Channel : V Square Clinic
2. ไปเจอแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ เจอหมอกระเป๋า หรือพยาบาล
ฉีดโบท็อกที่ไหนดี จึงจะเห็นผลและปลอดภัย อย่างที่เรารู้กันดีกว่ามีหมอกระเป๋าที่รับฉีดโบท็อกอยู่เป็นจำนวนมาก ในราคาที่ถูกกว่ามาตรฐานเป็นเท่าตัว ไนอกจากนี้ ยังมีโบท็อกหิ้วที่ราคาถูกและหาซื้อกันได้ง่าย ๆ ตามอินเตอร์เน็ต จึงเป็นที่มาของการฉีดโบท็อกแล้วหน้าแข็ง ยิ้มไม่สุด ปากเบี้ยว ตาตก คิ้วกระดก ใครดูก็รู้ว่าไปฉีดหน้ามา
ผลจากการฉีดโบท็อกที่ออกมาดูไม่เป็นธรรมชาตินั้น เกิดจากการใช้โบท็อกปลอม หรือ โบท็อกหิ้ว* ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ด้วยว่าเห็นแก่ราคาถูก หรือฉีดกับหมอกระเป๋า พยาบาล หรือแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์
*โบท็อกแท้ของประเทศอื่นที่หิ้วเข้ามา หลายคนยังคงไม่เข้าใจว่า จะมีผลเสียอย่างไร ทีของใช้แฟชั่นที่หิ้วมาแบบเลี่ยงภาษียังใช้งานได้เลย ซึ่งต่างกันตรงที่ โบท็อกที่บรรจุในขวดจำเป็นต้องถูกเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 2-8 °C ตลอดเวลาซึ่งถือเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสม เพราะหากเย็นหรือร้อนเกินไปก็จะเสื่อมคุณภาพได้ เนื่องจากโบท็อกเป็นสารโปรตีน แต่การต้องหลบซ่อนในตู้คอนเทนเนอร์เพื่อรอการ shipping จะไม่สามารถเก็บรักษาโบท็อกแท้ที่ลักลอบนำเข้าให้อยู่ในอุณหภูมิ 2-8 °C ตลอดเวลาได้ จึงส่งผลให้ฉีดแล้วดื้อยาง่ายขึ้น ผลการฉีดอยู่ได้สั้นลงอีกด้วยค่ะ
*แต่โบท็อกปลอมนั้น จะมีคุณสมบัติการกระจายตัวของยาที่ยังไม่คงที่ นั่นคือ ในบางครั้งก็จะกระจายแคบ บางครั้งกระจายกว้าง ส่งผลต่อการที่จะไม่สามารถคาดคะเนการกระจายของยาที่ฉีดได้อย่างแม่นยำ ทำให้มีปัญหาปากเบี้ยว หน้าแข็ง ยิ้มไม่สุด ตาตก คิ้วกระดก เหล่านี้ตามมาได้โดยง่ายปกติแล้ว โบท็อกของแท้ที่นำเข้ามาโดย official distributer จะทำการขายให้แก่โรงพยาบาลหรือคุณหมอเท่านั้น ส่วนตัวยาที่พยาบาลหรือหมอกระเป๋าใช้ฉีดให้คนไข้นั้น มักเป็นโบท็อกปลอมหรือโบท็อกหิ้ว อย่าเพิ่งดีใจที่อาจได้ผลในครั้งแรกที่ฉีด เพราะในครั้งต่อ ๆ ไปร่างกายจะเริ่มดื้อโบท็อกได้อย่างรวดเร็วค่ะ
นอกจากนี้ เราควรพิจาณาหมอที่จะฉีดให้ด้วย ควรเลือกคุณหมอ full-time ที่ประจำที่คลินิกแห่งนั้น (เพราะย่อมรักษาชื่อเสียงของคลินิกให้มากที่สุด) และควรดูด้วยว่ามีประสบการณ์การทำงานกี่ปี โดยดูจากผลการตอบรับและรีวิวจากคนไข้ว่าเป็นอย่างไร เพื่อความมั่นใจมากยิ่งขึ้นถึงแม้ว่าคุณหมอ part-time ที่เข้ามาทำการตรวจรักษาแบบชั่วคราว บางท่านเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ก็ยังเสี่ยงอยู่ดีว่าเราอาจไปเจอคุณหมอที่มีประสบการณ์ในการฉีดมาน้อย ซึ่งเราจะไม่สามารถดูรีวิวและผลการตอบรับของคุณหมอได้
3. ดูรีวิวที่น่าเชื่อถือของคลินิก
ในการศึกษาค้นคว้าข้อมูลว่าจะ ฉีดโบท็อกที่ไหนดี ควรดูรีวิวจริงจากคนที่เคยฉีดมาแล้วกลับมาโพสต์ feedback ในแหล่งข้อมูลที่มีความเป็นกลาง อันหมายถึง แหล่งที่ทางคลินิกไม่สามารถลบออกเองได้ เป็นข้อมูลจริงในกรณีที่มีเคสหลุดมาโพส เช่น รีวิวติดดาวใน google map รีวิวติดดาวใน facebook และรีวิวตามเว็บไซท์ต่างๆ เช่น pantip wongnai
ซึ่งจะทำให้เราได้รู้ถึงความรับผิดชอบของทางคลินิก ต่อ feedback ที่เกิดขึ้นจริง โดยต้องฟังความทั้ง 2 ฝ่าย แล้วพิจารณาดูว่ากรณีที่มีเคสร้องเรียนจากคนไข้นั้นเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ หากจะประเมินความน่าเชื่อถือของคลินิกได้อย่างแท้จริงควรอ่านคำชี้แจงและข้อเท็จจริงจากทางคลินิกด้วยวิจารณญาณ
4. ผลของโบท็อกอยู่ได้สั้นลง เพราะขาดการเตรียมการปฎิบัติตัวก่อนฉีดอย่างถูกต้อง
ก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกควรมีการเตรียมตัว ทั้งนี้เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดคงอยู่ได้นาน เพื่อไม่ต้องไปฉีดบ่อย ๆ และลดความเสี่ยงที่จะดื้อยา ดังต่อไปนี้
- ศึกษาหาข้อมูลเรื่อง โบท็อกแท้ ตามข้อมูลในข้อ 1
- หาข้อมูลเพื่อตัดสินใจเลือกว่า ฉีดโบท็อกที่ไหนดี โดยอ่านรีวิวของคลินิกที่กำลังสนใจไปทำ และเลือกแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ ตามข้อมูลในข้อ 2 และข้อ 3
- หากต้องการนวดหน้า ทำเลเซอร์ ดังคอร์สที่ต้องทำอยู่แล้วเป็นประจำ ควรทำให้เรียบร้อยก่อนที่จะเข้ามาฉีดโบท็อก เพราะเมื่อฉีดไปแล้วจำเป็นต้องงดการทำหน้าหรือเลเซอร์ใด ๆ ไปอีก 2 สัปดาห์
- งดรับประทานยา เช่น เช่น NSAIDs และแอสไพริน ซึ่งเป็นยาในกลุ่มลดการแข็งตัวของเลือด และในช่วงเวลา 2-3 วันก่อนฉีดควรงดการขัดหน้า สครับหน้า เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดอาการเขียวช้ำขึ้นมาได้
- ควรปรึกษาคุณหมอ ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือข้อห้ามในการฉีดโบท็อก
- สำหรับท่านที่มีอาการขาดธาตุสังกะสี เช่น ผิวแห้งลอก, มีแผลเรื้อรัง, ผมแตกปลายร่วงมาก, เล็บเปราะหักง่าย, ผิวหนังเป็นผื่นได้ง่าย เป็นต้น ควรเริ่มกินอาหารที่มีธาตุสังกะสี หรือกินอาหารเสริม หลังฉีดโบท็อก เพื่อช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานยิ่งขึ้น ออกฤทธิ์ได้ไวขึ้น แต่ไม่ควรรับประทานเกิน 20 มิลลิกรัมต่อวัน
ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี คำถามนี้หวังว่าผู้อ่านคงจะได้รับคำตอบแล้วจากข้อมูลที่รวบรวมมาให้ข้างต้น โดยขอให้เลือกคลินิกเสริมความงามที่มีความน่าเชื่อถือและได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.vsquareclinic.com/